เส้นทางท่องเที่ยวสมุทรปราการ เส้นทางที่ 1

อิ่มบุญ อิ่มใจ อิ่มจัง

Route1

ตลาดคลองสวน 100 ปี

เริ่มต้นเส้นทางด้วย ตลาดคลองสวน 100 ปี ตลาดที่ตั้งอยู่บนชุมชนขนาดใหญ่และคร่อมอยู่บนพื้นที่ 2 จังหวัด ริมคลองประเวศบุรีรมย์ คือ ตำบลเทพราช อำเภอบ้านโพธิ์ จังหวัดฉะเชิงเทรา และตำบลคลองสวน อำเภอบางบ่อ จังหวัดสมุทรปราการ ผู้คนที่อาศัยอยู่ในชุมชนมีทั้งชาวไทยจีน ชาวไทยพุทธ และชาวไทยมุสลิม ภายในชุมชนมีทั้งโรงเจ วัด และสุเหร่า เป็นแหล่งนัดพบและมานั่งพูดคุย แลกเปลี่ยนทัศนคติซึ่งกันและกัน จึงทำให้เกิดความหลากหลายทางวัฒนธรรม ที่ผสมผสานกันจนเกิดขึ้นเป็นตลาดคลองสวน

ปัจจุบันตลาดคลองสวนยังคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมดั้งเดิมสินค้าในตลาดจะเป็นของกิน ขนมโบราณ ของใช้โบราณ ของเล่นโบราณ และพืชผักผลไม้หลากหลายชนิด ฯลฯ นักท่องเที่ยวจะได้สัมผัสวิถีชีวิต วัฒนธรรมดั้งเดิม และสิ่งปลูกสร้างที่มีกลิ่นอายในยุคสมัยรัชกาลที่ 5

เส้นทางที่ 1 : วิ่ง ถนนบางนา-ตราด พอถึง กม.ที่ 32 ให้พยายามชิดซ้ายเพื่อออกมาทางคู่ขนาน จะพบป้ายบอกทางไปตลาดโบราณคลองสวน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าไป (ทางเข้าอยู่ราว กม.ที่ 35) พอสุดทางแล้วเลี้ยวซ้ายเข้า ถนน 3001 จะพบทางเข้าตลาดคลองสวนอยู่ทางขวามือ 

เส้นทางที่ 2 : จากลาดกระบัง วิ่งตรงผ่านแยกร่มเกล้า มาตามถนน 3001 (อ่อนนุช- ฉะเชิงเทรา) จะผ่านวัดเปร็ง แล้วจะพบทางเข้าตลาดโบราณ คลองสวนทางซ้ายมือ

เส้นทางที่ 3 : วิ่งเส้นมอเตอร์เวย์ ให้ออกตรงแยกอ่อนนุช (สังเกตป้ายตลาดคลองสวน 100 ปี) เมื่อออกแยกซ้ายมาแล้วจะพบสามแยก ให้เลี้ยวขวาเข้าถนน 3001 (อ่อนนุช – ฉะเชิงเทรา) จะพบตลาดโบราณคลองสวนอยู่ทางซ้ายมือ 

เส้นทางที่ 4 :จากตัวเมืองฉะเชิงเทรา วิ่งถนน 314 (ฉะเชิงเทรา – บางปะกง) ถึง กม.ที่ 14 จะมีแยกไฟแดง ให้ชิดขวาเลี้ยวซ้ายเข้าถนน 3001 จะพบตลาดโบราณคลองสวนอยู่ทางขวามือ

วัดบางพลีใหญ่( ใน )

หลังจากช่วงเช้าที่ตลาดคลองสวน 100 ปีแล้ว ให้มาต่อกันในอำเภอบางพลี ที่วัดบางพลีใหญ่(ใน) วัดบางพลีใหญ่ ชื่อเดิมคือ วัดพลับพลาไชยชนะสงคราม เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์ใหญ่สมัยสุโขทัยปางมารวิชัย เป็นพระศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมือง ที่ชาวบางพลีและชาวสมุทรปราการให้ความเคารพศรัทธาของคนในชุมชนมาอย่างยาวนาน ส่วนใหญ่นิยมเรียก “หลวงพ่อโต“ หรือเรียก “วัดหลวงพ่อโต” ในวันขึ้น 14 ค่ำเดือน 11 จะมีพิธี “โยนบัว” หรือ “รับบัว” เป็นการสักการะหลวงพ่อโตในทุกปี 

หลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปที่มีประวัติความเป็นมาที่น่าสนใจเป็นอย่างมาก  จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์ กล่าวไว้ว่า วัดบางพลีใหญ่ใน เป็นวัดที่เก่าแก่ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ครั้งที่พระองค์ทรงนำกองทัพขับไล่ศัตรูที่ถอยทัพไปทางทิศตะวันออกของกรุงศรีอยุธยา เมื่อติดตามจนมาถึงตำบลหนึ่ง จึงรับสั่งให้เหล่าทหารหยุดพัก เพื่อทำพิธีพลีกรรม บวงสรวงเซ่นไหว้ตามตำราพิชัยสงคราม โดยปลูกศาลเพียงตาไว้พร้อมเครื่องสังเวย อัญเชิญพระแสงดาบ ศาสตราวุธต่าง ๆ มาประกอบพิธี ตั้งจิตอธิษฐานต่อเทวาอารักษ์และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ให้การรบได้รับชัยชนะกลับมา จากนั้นพระองค์และเหล่าทหารกล้า ก็เดินทัพต่อไปจนสามารถนำชัยชนะกลับมาได้ หลังจากนั้นเมื่อย้อนทางกลับมา ณ ที่ศาลเพียงตา พระองค์ทรงรับสั่งให้สร้างเป็นพลับพลาไว้ เพื่อเป็นอนุสรณ์ในชัยชนะ และทรงพระราชทานนามที่แห่งนี้ว่า “พลับพลาชัยชนะสงคราม” 

เดินเที่ยวชมวัดทำบุญกันแล้วก็สามารถเดินเลียบคลองสำโรงไปทางขวามือไม่ไกลจะเป็นจุดเริ่มต้นการเดินเข้าตลาดโบราณบางพลี 

ตลาดบางพลีใหญ่

ตลาดริมคลองบางพลี เดิมชื่อตลาด “ศิริโสภณ” มีอายุกว่า 160 ปี เป็นตลาดเก่าที่มีสภาพสมบูรณ์ สินค้าในตลาดมีทั้ง อาหารสูตรโบราณ ขนมหวาน ของใช้ต่าง ๆ ของตกแต่งบ้าน ของฝาก ร้านเสื้อผ้าต่าง ๆ ให้นักท่องเที่ยวได้เลือกซื้อหา เป็นของใช้ของฝาก ในตลาดยังมีการจัดงานนิทรรศการภาพเก่าเล่าเรื่อง ที่แสดงภาพเก่าตั้งแต่สมัยจัดตั้งตลาดและเครื่องมือเครื่องใช้ในการประกอบอาชีพของคนในชุมชนสมัยก่อน นักท่องเที่ยวที่มาเดินชมยังสามารถซื้อหาของอร่อย ๆ ทานได้ที่ตลาดโบราณบางพลี อาทิ เมี่ยงคำไทยแท้ ขนมชั้นนึ่งสด กุหลาบน้ำปลาหวาน ก๋วยเตี๋ยวหมู 30 ปี หมูสะเต๊ะโบราณ เป็นต้น

ตลอดเส้นทางเดินของตลาดโบราณบางพลีเราจะเห็นร้านค้าจำหน่ายอาหารปลาและขนมปังเพื่อให้ปลาสวายซึ่งอาศัยอยู่ที่คลอง นักท่องเที่ยวสามารถเดินออกไปให้อาหารเหล่าปลาสวายที่หลังร้าน พบเห็นได้ตลอดทาง ก่อนจบทริบแวะไปทางคลองสำโรงฝั่งเหนืออีกนิดเพื่อไม่ให้เป็นการเสียเที่ยว ไปเยี่ยมชม วัดบางพลีใหญ่กลาง ก่อนจะจบทริป

วัดบางพลีใหญ่(กลาง)

วัดบางพลีใหญ่(กลาง) ตั้งอยู่บนคลองสำโรงฝั่งเหนือตำบลบางพลีใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2367 ชาวบ้านเรียกวัดกลาง ต่อมาได้เปลี่ยนเป็นชื่อวัดราษฎร์ศรัทธาธรรม เป็นที่ประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่ที่สุดองค์หนึ่งของประเทศไทยพร้อมกิจกรรมปิดทองหัวใจพระ กิจกรรมเหล่านี้นับเป็นกุศโลบายของพระครูพิศาลวุฒิกิจ เจ้าอาวาสวัดบางพลีใหญ่กลางเพื่อดึงดูดให้พุทธศาสนิกชนมาทำบุญที่วัดแห่งนี้ กระทั่งผู้คนเรียกติดปากจากวัดกลาง มาเป็นวัดพระนอนในที่สุด ด้วยความมโหฬารนี้ ภายในองค์พระจึงแบ่งได้ถึง 4 ชั้น เพื่อใช้ในกิจการศาสนา เช่น ห้องปฏิบัติกรรมฐาน ห้องประดิษฐานพระอรหันต์ 500 รูป ภาพวาดนรก-สวรรค์

และพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์มากมาย โดยมีไฮไลต์สำคัญที่ชั้น 4 ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากเมืองโคลัมโบ ประเทศศรีลังกา เมื่อ พ.ศ. 2530 และห้องประดิษฐานหัวใจพระนอนซึ่งมีแห่งเดียวในโลก นอกจากนี้ ภายในวัดยังเปิดให้สักการะหลวงพ่อสูรย์ หรือหลวงพ่อสุริยะ องค์พระประธานภายในพระอุโบสถแต่งลวดลายปูนปั้นสีทองและบันไดนาค ซึ่งพุทธศาสนิกชนสามารถเดิน “ลอดโบสถ์” เพื่อความเป็นสิริมงคล ซึ่งใต้โบสถ์มีลูกนิมิตเอก ตลอดทางเดินมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องราวพุทธประวัติ หลังไหว้พระแล้วมานั่งเล่นหรือให้อาหารปลาได้ที่ “ศาลาอรรถโกวิทวุฒิคุณ” ซึมซับบรรยากาศสงบร่มเย็นใต้ร่มศาสนาที่วัดบางพลีใหญ่กลางให้เต็มที่ เปิดให้เข้าชมได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 8.00 – 16.30 น.